วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

การเลือกใช้ผ้าม่าน ใน ห้องทำงาน ห้องครัว และห้องรับแขก



              

การเลือกใช้ผ้าม่าน ใน ห้องทำงาน
  เน้น: วัตถุประสงค์ของการเลือกผ้าม่านในห้องทำงานคือการควบคุมแสงจากภายนอกเข้ามาในห้องในระดับที่พอดี
แนะนำ: ควรเป็นลักษณะของ ม่านปรับแสง (Vertical Blinds) หรือมู่ลี่อลูมิเนียม (Venetian Blinds) หรือ มูลี่ไม้ (Wooden Blinds) เพราะสามารถปรับระดับการลอดของแสงได้ตามความต้องการ เวลาที่เราต้องการจะทำงานก็สามารถใช้แสงจากธรรมชาติได้
สี: เน้นที่ต้องมีความกลมกลืนกับสีของห้องและเฟอร์นิเจอร์ โดยเฉพาะสีสว่างๆ หรือสีอ่อน และเพื่อให้รู้สึกสบายๆ ไม่อึดอัดในเวลาทำงาน คุณสามารเลือกสีที่ชอบได้เช่นกันค่ะ แต่แนะนำให้ลดระดับความเข้มลงมา เช่น หากชอบสีน้ำเงินก็ให้ใช้สีฟ้า หรือถ้าชอบสีน้ำตาล ก็ให้เลือกใช้สีครีมแทน

 การเลือกใช้ผ้าม่าน ใน ห้องครัว
  เน้น: ประโยชน์ใช้สอยในเรื่องของการแบ่งพื้นที่ให้เป็นสัดเป็นส่วน สามารถควบคุมแสง กันฝุ่นเวลาทำกับข้าวได้อย่างพอเหมาะ
แนะนำ: แนะนำให้ใช้ ม่านม้วน (Roller Blinds) มู่ลี่อลูมิเนียม (Venetian Blinds) ค่ะ เพราะเราสามารถปรับระดับแสงในระดับที่ต้องการและสามารถบังสายตาจากแดดจ้าๆ ได้ ที่สำคัญต้องทำความสะอาดได้ง่าย
สี: ควรเน้นกลางๆ ในโทนร้อนค่ะ ไม่สดหรือไม่เข้มจนเกินไปเพื่อให้แม่ครัวรู้สึกสบายตาเวลาทำอาหารแต่สามารถ กระตุ้นความอยากอาหารได้เช่นกัน เช่น ผ้าม่านสีครีม ผ้าม่านสีส้มอ่อน

   

 การเลือกใช้ผ้าม่าน ใน ห้องรับแขก
  เน้น: การตกแต่งห้องเพื่อให้ดูสวยงามมากขึ้น อีกทั้งยังสามารถช่วยกันแสงและกรองแสงได้ระดับนึงเพื่อสร้างพื้นที่ส่วนตัว ให้แก่เจ้าของบ้านและแขกผู้มาเยือนได้ค่ะ
แนะนำ: สำหรับในห้องนี้แล้วแต่ความชอบด้วย อาจะเป็น ผ้าม่านจีบ (Pleated Curtains) ม่านลอน หรืออาจจะเป็น ผ้าม่านหลุยส์ ผ้าม่าน 2 ชั้น (ผ้าBlackout – ผ้าโปร่ง) หรือมู่ลี่ไม้ (Wooden Blinds)ก็สวยไปอีกแบบ  และอาจจะเลือกใช้รางอลูมิเนียมติดบนสุด หรือ บังราง เพื่อให้ห้องดูโล่งและกว้าง เรียกได้ว่าสามารถตกแต่งได้ตามความชอบใจกันเลยทีเดียว

สี: เรื่องของสีที่จะเลือกใช้ในห้องนี้  แล้วแต่ความเหมะสม ถ้าต้องการให้ดูเรียบหรูควรจะใช้ สี earth tone เช่น สีน้ำตาล ขาว ครีม หรือสีแนวโมเดิร์น เช่น เทา แค่ให้ดูความลงตัวของโทนสีในห้องเป็นหลัก และการใช้งานห้องนั้นก็โอเคแล้วค่ะ

ต้องการผ้าม่านสวยๆแวะมาดูกันได้ที่นี่เลย ^^  http://www.linz-design.com    

วันจันทร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2556

การทำความสะอาดผ้าม่านด้วย 5 วิธี ง่ายๆ



      ผ้าม่านนั้น เป็นของตกแต่งที่มีอยู่แทบทุกบ้าน เพราะนอกจากจะช่วยปรับแสงแดดที่ส่องเข้ามาให้สมดุลแล้ว ยังเป็นของแต่งห้องที่ทำให้บรรยากาศในห้องดูอบอุ่นผ่อนคลายมากขึ้นอีกด้วย จึงถือเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในบ้านของใครหลาย ๆ คน 


          ถึงจะเป็นอย่างนั้น ผู้ คนก็มักจะละเลยที่จะทำความสะอาดผ้าม่านกันเสมอ ทั้ง ๆ ที่เป็นสิ่งที่ได้รับสิ่งสกปรกจากภายนอกโดยตรง เพราะฉะนั้นวันนี้เราจึงได้นำเคล็ดลับในการทำความสะอาดผ้าม่านมาฝากกัน เพื่อให้คุณได้ลองไปใช้ดูแลผ้าม่านของคุณดู ลองไปอ่านกันเลยค่ะ
       1.  ควรทำความสะอาดด้วยการปัดฝุ่นหรือดูดฝุ่นไล่จากส่วนบนสุดของผ้าม่านก่อน เพราะหากคุณเริ่มทำจากด้านล่าง พอปัดฝุ่นด้านบน สิ่งสกปรกก็จะร่วงลงไปเกาะชายผ้าม่านให้สกปรกอีกครั้งอยู่ดี ดังนั้นจึงต้องปัดฝุ่นจากด้านบนก่อน เพื่อให้ไม่ต้องกลับมาปัดฝุ่นซ้ำอีกรอบ นอกจากนี้ ควรเน้นในส่วนรอยจีบรอยพับของผ้าม่านให้ดี เพราะจะมีฝุ่นเกาะหนาเป็นพิเศษเสมอ 

       2.  ถ้าจะใช้ผ้าชุบน้ำเช็ด ก็ต้องดูดฝุ่นให้เรียบร้อยก่อน ไม่อย่างนั้น นอกจากการเช็ดจะไม่ช่วยให้ผ้าม่านสะอาดขึ้นแล้ว ยังเป็นการะละเลงฝุ่นให้รอยเปื้อนติดไปทั่วผ้าม่านอีกด้วย อย่างไรก็ตาม หากผ้าม่านของคุณมีสีอ่อน ควรเลี่ยงการใช้ผ้าชุบน้ำเช็ด เพราะถ้าเกิดรอยเป็นด่างเป็นดวงหลังเช็ดแล้วจะเห็นชัด ทำให้ผ้าม่านดูไม่น่ามอง

       3.  หากผ้าม่านของคุณมีน้ำหนักเบาจำพวกที่ทำจากผ้าฝ้าย เพียงแค่นำมาสะบัดฝุ่นออก หรือดูดฝุ่นเป็นประจำ ประมาณอาทิตย์ละครั้งก็เพียงพอแล้ว ในขณะเดียวกัน หากผ้าม่านของคุณทำจากผ้าเนื้อหนา ควรส่งร้านซักแห้งที่ไว้ใจได้ให้เป็นคนจัดการจะดีกว่า เพราะผ้าม่านชนิดนี้ต้องใช้การดูแลเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม หากไม่สะดวก คุณอาจใช้เตารีดไอน้ำแนวตั้งรีดหลังจากดูดฝุ่นแทนก็ได้
 
      4.    ทำความสะอาดผ้าม่านเรียบร้อยแล้ว ก็อย่าลืมทำความสะอาดตะขอเกี่ยวผ้าม่านด้วย เพราะถ้าหากผ้าม่านที่สะอาดแล้ว มาเจอกับตะขอเกี่ยวที่สกปรก ก็จะทำใหผ้าม่านสกปรกอยู่ดี ทั้งนี้ วิธีความสะอาดตะขอเกี่ยวนั้นก็ง่ายแสนง่าย แค่นำไปลวกในน้ำผสมน้ำส้มสายชู ก็จะทำให้ตะขอดูสะอาดแวววาวเหมือนใหม่ได้แล้ว

       5.   ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรถ้าคุณจะลองฉีดสเปรย์กลิ่นหอม ๆ ที่คุณชอบไว้ที่ผ้าม่าน เพื่อเพิ่มความสดชื่นและบรรยากาศดี ๆ ให้กับห้องของคุณ อย่างไรก็ดี ควรเลือกกลิ่นอ่อน ๆ ที่ไม่มีส่วนผสมของสารเคมีแรง ๆ เพราะเสปรย์บางตัวอาจมีฤทธิ์รุนแรงจนทำให้ผ้าม่านสีเพี้ยนได้




วันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ผ้าม่านสไตล์ในแบบของคุณ



เราสามารถเลือกผ้าได้จากการดูความหนาแน่นและน้ำหนักผ้า ผ้าเนื้อยิ่งแน่น น้ำหนักจะยิ่งมาก ซึ่งแม้จะมีข้อดีในการป้องกันแสงแดดได้ดี และไม่ยุ่ยง่ายเมื่อนำมาตัดเป็นผ้าม่าน แต่มันจะเก็บกักฝุ่นและทำความสะอาดยาก คุณอาจลองทดสอบความหนาแน่นของเนื้อผ้าอย่างง่ายๆด้วยการยกมาส่องกับแสง ผ้าที่หนาแน่นมากจะแทบไม่มีแสงผ่านเลย นอกจากนี้ ชนิดของสีที่นำมาย้อมหรือพิมพ์ผ้า ควรจะเป็นสีที่คงทนต่อแสง การซัก กรดด่าง และฝุ่นละออง
1. เนื้อผ้าชนิดโปร่ง (Sheer)  เป็นเนื้อผ้าชนิดเบาบาง ส่วนใหญ่จะผสมพอลิเอสเตอร์ร้อยเปอร์เซ็นต์ ป้องกันแสงแดดได้เพียงเล็กน้อย ซึ่งข้อดีของผ้าชนิดนี้ ก็คือเมื่อมีแสงสว่างส่องเข้ามาภายในบ้านได้บ้าง จะทำให้ภายในห้องดูนวลตา สบายตาขึ้น....ไม่ต้องเปิดไฟ ประหยัดค่าไฟด้วยคะ และมักจะใช้ควบคู่กับเนื้อผ้าชนิดทึบแสง ซึ่งจะกล่าวได้ต่อไปคะ

2. เนื้อผ้าชนิดทึบแสงในตัว หรือผ้าแบล็กเอ๊าต์ (Black Out)เนื่องจากมีคุณสมบัติป้องกันความร้อนได้ดี จึงเหมาะกับบริเวณที่โดนแสงแดดโดยตรง หรือห้องที่ต้องการความเป็นส่วนตัว มืดสนิท เช่นห้องโฮมเธียเตอร์ ห้องนอน เป็นต้น เนื้อผ้าชนิดนี้ทำมาจากเส้นใยธรรมชาติผสมกับใยสังเคราะห์ ซึ่งปัจจุบันกำลังเป็นที่นิยมคะ

3. เนื้อผ้าชนิดที่แสงผ่านได้บ้าง (Dim Out)เป็นชนิดที่มีเนื้อผ้าแบบมาตรฐานที่ใช้กันในปัจจุบัน มีคุณสมบัติกันแสงแดดได้ แต่ทั้งนี้ความสามารถในการกันแสงจะขึ้นอยู่กับสีของเนื้อผ้านั้นๆด้วย